🔥 ดราม่าครบเครื่องที่ซิตี้ กราวด์
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2025 ที่สนามซิตี้ กราวด์ จบลงด้วยผลเสมอสุดระทึก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เปิดบ้านเจ๊า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 ในเกมที่รูปเกมไหลไปคนละฝั่งเป็นช่วง ๆ มีทั้งโมเมนตัม ความผิดพลาด ความเฉียบคม และลูกยิงระดับเวิลด์คลาสให้พูดถึงกันยาวทั้งวีค
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเกมได้ดีกว่าและคุมจังหวะครึ่งแรกได้เหนือกว่า จนกระทั่งนาทีที่ 34 คาเซมิโร่อ่านจังหวะเตะมุมได้ขาด โฉบขึ้นโหม่งเต็มหัวส่งบอลผ่านผู้รักษาประตูให้ทีมเยือนนำ 1-0 นี่คือจังหวะที่สะท้อนว่าทำไมลูกตั้งเตะยังเป็นอาวุธสำคัญของผีแดง แม้ฟอร์มโดยรวมทั้งซีซันยังไม่นิ่ง
แต่ครึ่งหลังหนังคนละม้วน ฟอเรสต์เดินหน้าบีบสูง กล้าเล่นตรงกลางมากขึ้น และโจมตีช่องว่างระหว่างเซ็นเตอร์กับวิงแบ็กของยูไนเต็ดจนเกิดดราม่ารัว ๆ นาที 48 มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ สอดขึ้นไปโขกตีเสมอเป็น 1-1 ต่อด้วยนาที 50 นิโคโล่ ซาโวน่า ตามซ้ำจ่อหน้าประตูเป็น 2-1 ภายในชั่วอึดใจเดียว ซิตี้ กราวด์ระเบิดเป็นไฟ แฟนเจ้าป่ามีอารมณ์เหมือนกำลังจะกินทีมใหญ่เต็ม ๆ อีกนัด
ยูไนเต็ดเหมือนจะเสียรูปเกมไปพักใหญ่ แต่ยังไม่มอดตายง่าย ๆ การเปลี่ยนจังหวะบุกด้านขวาและการขยับหาพื้นที่ระหว่างไลน์แนวรับฟอเรสต์ของตัวรุกสำรองกลายเป็นจุดเปลี่ยน นาที 81 อาหมัด ดิยัลโล่ ควบบอลหน้าเขต แล้วยิงฮาฟวอลเล่ด้วยซ้ายแบบไม่จับ บอลพุ่งเสียบเสาแบบผู้รักษาประตูมองด้วยตาอย่างเดียว กลายเป็นประตูตีเสมอ 2-2 ระดับไฮไลท์วนซ้ำทุกแพลตฟอร์ม
ช่วงท้ายเกมทั้งสองฝั่งยังลุยต่อ ฟอเรสต์ได้โอกาสสวนกลับ ส่วนแมนฯ ยู ต้องเสี่ยงดันไลน์ขึ้นสูง เกือบโดนฉกกลับหลายครั้งและมีจังหวะต้องตัดฟาวล์จน นุสเซร์ มาซราอุย โดนใบเหลืองท้ายเกม บรรยากาศเข้มข้นแบบไม่มีใครยอมใครจนจบ 90 นาทีสุดหอบ
โดยรวมถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่อธิบายตัวตนของทั้งสองทีมชัดเจน: ฟอเรสต์เล่นด้วยพลัง ความดุดันต่อหน้าแฟนตัวเอง และความกล้าเสี่ยงในช่วงต้นครึ่งหลัง ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีปัญหาเกมรับและสมาธิหลุดเป็นช่วง ๆ แต่ก็ยังมีอาวุธเฉพาะตัวจากนักเตะทักษะสูงที่ปล่อยหมัดทีเดียวแล้วเข้าเลยเหมือนดิยัลโล่ในวันนี้
📊 สถิติหลักของเกม
| รายการ |
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ |
แมนฯ ยูไนเต็ด |
| xG (ค่าความน่าจะเป็นประตู) |
2.00 |
1.15 |
| ครองบอล (%) |
41% |
59% |
| ยิงตรงกรอบ |
3 |
7 |
| เตะมุม |
8 |
5 |
| ฟาวล์ |
10 |
7 |
🧍♂️ รายชื่อผู้เล่นตัวจริง
| น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ |
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
ผู้เล่นตัวจริง:
มัตซ์ เซลส์; เนโก วิลเลียมส์, มูริโย่, นิโคล่า มิลเลนโควิช, แดน เอ็นดอย;
ดักลาส ลุยซ์, เอลเลียต แอนเดอร์สัน;
คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์, นิโคโล่ ซาโวน่า;
อิกอร์ เฆซุส
|
ผู้เล่นตัวจริง:
เซนเน่ ลัมเมนส์;
มัทไธจ์ เดอ ลิกต์, ลูค ชอว์, เลนี โยโร;
ดิโอโก ดาโลต์, คาเซมิโร่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาธิอัส คุนญ่า;
ไบรอัน เอ็มเบวโม่, อาหมัด ดิยัลโล่;
เบนจามิน เชสโก้
|
🔄 ตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลง
| ฟอเรสต์ |
แมนฯ ยูไนเต็ด |
ไรอัน เยตส์ (น.14)
ไตโว่ อโวนิยี่ (น.78)
|
แพทริค ดอร์กู (น.68)
นุสเซร์ มาซราอุย (น.77)
|
🟨 ใบเหลือง / 🟥 ใบแดง
| ฟอเรสต์ |
แมนฯ ยูไนเต็ด |
|
แดน เอ็นดอย 🟨 น.14
|
นุสเซร์ มาซราอุย 🟨 น.85
|
⭐ ผู้เล่นเด่นของเกม
- อาหมัด ดิยัลโล่ (แมนฯ ยูไนเต็ด): ฮาฟวอลเล่ตีเสมอนาที 81 ประตูคุณภาพระดับไฮไลท์ พร้อมสร้างปัญหาแนวรับเจ้าถิ่นตลอดครึ่งหลัง
- มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ (ฟอเรสต์): คุมอารมณ์เกมรุกของฟอเรสต์ ยิงเองหนึ่งและมีส่วนร่วมตลอดช่วงพลิกเกมช่วงต้นครึ่งหลัง
🎯 บทสรุปสั้น ๆ
ฟอเรสต์แสดงให้เห็นชัดว่าพลังในบ้านและความดุดันในครึ่งหลังทำร้ายทีมใหญ่ได้เสมอ ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังมีดีเรื่องคาแรกเตอร์ ไม่ล้มง่าย ไม่หมดสภาพ ถึงจะโดนแซงแต่ก็ยังลากตัวเองกลับมาเก็บแต้มออกไป สกอร์ 2-2 ยุติธรรมทั้งรูปเกมและความทรงพลังของสองทีมในคืนนี้